สวัสดียามเช้าครับ วันนี้เป็นวันที่ 4 ของการเดินทาง ซึ่งตรงกับวัน อาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม 2556 พวกเราตื่นแต่เช้ามาก เก็บข้าวของ เช็คเอาท์ห้องทั้งหมดเหลือไว้แค่ห้องเดียวที่ไว้เก็บกระเป๋าสัมภาระ เพราะวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะไม่จ่ายค่าห้องฟรีๆ 1 คืน ที่เราไปนอนซอรัคซาน ส่วนห้องที่เอาไว้เก็บกระเป๋าก็มาหารกัน ตกคนละ 100 กว่าบาท การเดินทางของเราวันนี้จะเริ่มต้นจากการไปขึ้นรถัสที่ Dong Seoul Bus Terminal ครับ วิธีการไป Dong Seoul Bus Terminal จาก เมียงดงที่เราอยู่ คือนั่ง Subway จากสถานีเมียงดง (424) ไปลงสถานี Dongdaemun History & Culture Park (422) แล้วเปลี่ยนสายเป็นสีเขียวคือสาย 2 (205) นั่งไป 9 สถานี ลงสถานี Gangbyeon (214)
จากสถานี Gangbyeon ให้เดินออกประตู 4 จะเห็นอาคารนี้อยู่ฝั่งตรงข้ามทางที่เราเดินออกมาจากสถานี ให้เดินข้ามถนนมาเลยครับ ตอนแรกไม่คิดว่าจะเป็นอาคารนี้เพราะมันเหมือนตึกสำนักงานมากกว่าจะเป็นท่ารถ (อนุมานไว้ก่อนว่าประมาณหมอชิต หรือสายใต้บ้านเรา) เลยต้องถามคนแถวนั้นเอาว่า Dong Seoul Bus Terminal มันอยู่ตรงไหนกันแน่ เขาก็ชี้มานี่แหละครับ ฝั่งตรงข้ามที่เรายืนอยู่นี่เอง
เข้ามาข้างในก็ถึงบางอ้อครับ ว่ามันเป็นห้องจำหน่ายตั๋วหลายสายมากๆ แล้วแต่ว่าคุณจะไปไหน ขอบอกเอาไว้ว่าทุกเคาน์เตอร์มีแต่ป้ายบอกสถานที่เป็นภาษาเกาหลีเท่านั้นครับ เพราะฉะนั้นต้องถามเจ้าหน้าที่ข้างในนั้นอย่างเดียวครับ บอกว่าจะไปซกโช (속초) เขาก็ชี้มาที่เคาน์เตอร์ตรงนี้
บอกเขาว่าจะไปซกโช (속초) ก็ได้ตั๋วมาหน้าตาเป็นแบบนี้ครับ ระบุ Dong Seoul (동서울) - Sokcho (속초) เวลารถออกคือ 09:59 a.m. ชานชลาที่ 4 หรือ 5 ที่นั่งในรถระบุหมายเลขชัดเจน ราคาตั๋วคนละ 17300 วอน ประมาณ 455 บาท อ้อที่นี่จ่ายค่าตั๋วด้วยบัตรเครดิตได้นะครับ
เวลาเหลือเฟือ ก็เลยหาอะไรกินเล่นพลางๆ มีร้านขายขนมกินเล่น และพวกใส้กรอกเสียบไม้ เสร็จแล้วก็ออกมาดูชานชลา 4 หรือ 5 ที่เราจะต้องขึ้นรถ แต่ป้ายชานชลาหมายเลข 4 มันไม่ได้มีคำว่า sokcho เลยนะ มันไปที่อื่น มีแต่หมายเลข 5 ที่เป็นป้ายบอกว่าไป Sokcho
ผมได้ตารางเที่ยวรถมาด้วยครับ จาก Dong Seoul Bust Terminal เที่ยวที่เราไปคือเที่ยวที่ 5 ครับเวลา 9:59 น.ครับ ส่วนเที่ยวเวลา 13 นาฬิกากว่าๆนั้น ที่เป็นรอยแก้ด้วยปากกา ผมไม่แน่ใจว่าที่ถูกต้องคอืเวลาเท่าไหร่กันแน่ แต่ก็ควรเดินทางเที่ยวเช้าๆดีกว่าครับ ที่จริงแนะนำเที่ยว 9:05 น.ครับ เพราะจะได้เหลือเวลาเที่ยวในเมืองซกโชตอนเย็นเยอะขึ้นครับ เรามาไม่ทันเพราะไม่มีข้อมูลเวลารถเลยต้องรออีกเกือบ 1 ชั่วโมงที่เสียเวลาไป
อ้อนิดหนึ่งครับผมว่าห้องน้ำที่สถานีขนส่งที่นี่สะอาดน้อยกว่าที่อื่นทุกๆที่ในเกาหลีครับ แต่ก็ไม่ได้สกปรกมากนะครับ แต่ถ้าเป็นที่อื่นแบบว่ามันสะอาดมาก สะอาดซะจนคิดว่ามันน่าจะนอนได้เลยล่ะครับอิๆๆๆ
เวลาบนหน้าปัดรถบัสโชว์ 09:59 น. คนขับก็เรียกผู้โดยสารให้ขึ้นรถ เดินเข้าคิวขึ้นรถ ก่อนขึ้นรถคนขับก็ต้องฉีกเอาหางตั๋วออกไปเหลือครึ่งเดียวครับ
ให้เห็นภายในรถบัสครับ รถบัสออกตรงเวลาเด๊ะ ไม่มีคำว่าเลทครับ
รถบัสค่อยๆ ออกมานอกเมืองเรื่อยๆ จากที่เป็นตึกรามบ้านช่องเยอะๆก็ค่อยๆน้อยลงและกลายเป็นที่โล่งๆ หรือทุ่งนา หรือป่าเขา และจำได้ว่ามันมีอุโมงค์ที่เขาเจาะผ่านหุบเขาเป็นทางรถวิ่งหลายอุโมงค์มากๆครับ พวกเราต่างก็หลับๆตื่นๆ วิวก็อยากดูแต่ง่วงมากครับเพราะตื่นกันแต่เช้า สุดท้ายก็ต้องแพ้หนังตาตัวเองครับ หลับไม่รู้เรื่องเลย ดูนาฬิกา รถบัสขับมาได้ชั่วโมงกว่า คนขับก็จอดแวะพักระหว่างทางให้หาอะไรกินหรือเข้าห้องน้ำครับ วิวตรงลานจอดเป็นอย่างนี้ครับโล่งๆ
หลวงไข่ลงมาถ่ายรูปรถเป็นที่ระทึก 1 รูปครับ คนขับท่าทางจะจอดนาน แต่ไม่มีคนลงเลยหลับกันทั้งนั้น อากาศข้างนอกเย็นกว่าในรถบัสอีก ชอบมากๆครับ อากาศเย็นๆท่ามกลางแสงแดดจ้า
จอดแวะจอดพักเครื่องที่นี่ครับ เป็นร้านอาหาร มินิมาร์ท และห้องน้ำสะอาดไว้คอยบริการฟรีด้วยครับ
มองไปทางด้านหลังรถบัส เห็นอุโมงค์ที่เราเพิ่งลอดออกมา ก่อนจะมาจอดตรงนี้ครับ
หลังจากนั่งรถบัสมา 2 ชั่วโมงครึ่งจากโซล เราก็มาถึงเมืองซกโชแล้วครับ เขาจะจอดให้เราลงตรงนี้ครับเป็นสถานี Sokcho Bus Station ภาษาเกาหลีด้านบนป้ายในรูปใช้ว่า Sokcho Bus Terminal (속초버스더미널) ข้างในเป็นลานจอดรถโล่งๆครับ ไม่ได้กว้างใหญ่มาก ในรูปด้านขวามือที่เป็นอาคารคล้ายๆกรวยแหลมๆสีน้ำตาลๆจะเป็นที่ขายตั๋วครับ (เราต้องกลับมาที่นี่อีกพรุ่งนี้เพราะเราจะไปเกาะนามิ จึงต้องเดินทางจากเมืองซกโชไปเมืองชุนชอน(춘천) ครับผม )
ลงมาจากรถก็ออกอาการงงเล็กน้อยว่าต้องเดินทางต่อไปซอรัคซานยังไง ลุงโชเฟอร์เลยบอกให้เดินมาที่ป้ายรถเมล์ตรงนี้ครับ ห่างจากท่ารถที่เราลงรถเมื่อกี้แค่ 20 เมตรเห็นจะได้ คือลงรถปุ๊บก็เดินมารอรถเมล์ได้ตรงนี้เลยครับ
ภาพนี้เป็นการถ่ายมองย้อนกลับไปที่ Sokcho Bus Station จากป้ายรถเมล์ที่เราเดินมารอรถเมล์เข้าอุทยานแห่งชาติซอรัคซานนะครับ จะเห็นได้ว่าเดินมานิดเดียวครับ สังเกตอาคารทรงกรวยสีน้ำตาลในรูปอีกทีนะครับ ว่ามันไม่ไกล อ้ออย่างงนะครับ เกาหลีเขาขับรถเลนขวา ไม่ได้ขับเลนซ้ายเหมือนบ้านเรา เราเลยต้องยืนรอรถเมล์ฝั่งนี้แหละครับ
ที่ป้ายรถเมล์นี้จะมีรถเมล์ผ่าน 3 สายครับ คือสาย 1-1, 7-1, 9-1 ซึ่งสายที่เราจะใช้เดินทางไปอุทยานแห่งชาติซอรัคซานคือสาย 7-1 นะครับ สีเหลืองๆในรูปคือเวลาที่รถสาย 7-1 จะเดินทางมาถึงป้ายรถเมล์แห่งนี้ครับ เนืองจากเราไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันจะวิ่งตามเวลาอย่างนี้ สมาชิกของเราปวดฉี่ไปเข้าห้องน้ำในอาคารที่เขาขายตั๋ว ปรากฏว่ารถเที่ยว 12:30 ก็ผ่านมาแล้วครับ สมาชิกมาไม่ทันเลยพลาดรถคันนี้ ต้องรอคันถัดไปคือเวลา 12:55 น.
เพื่อเป็นการไม่ให้เสียอารมณ์ในการรอ สมาชิกเราก็ไปซื้อกาแฟมาดื่มกัน เป็นร้านกาแฟที่อยู่หลังป้ายรถเมล์ที่เรายืนอยู่นี่แหละครับ ขอบอกว่ากาแฟขมมากๆ ไม่อร่อยอย่างแรง 555
ฝั่งตรงข้ามป้ายรถเมล์ที่เรายืนอยู่จะเป็นปั๊มน้ำมันแห่งนี้ครับ
รออีกครู่หนึ่งรถบัสก็เที่ยว 12:55 น.ก็มาถึงครับ ดูซิค่อนวันไปแล้วยังไม่ถึงซอรัคซานเลย เสียเวลามากๆ อันนี้ผมคิดว่าถ้าเรารู้เวลารถสักนิดก่อนเดินทาง เราจะเดินทางได้เร็วกว่านี้ครับ ใครเดินทางแบบเดียวกับผมเอาเวลาไปดูเลยครับจะเป็นประโยชน์มากจริงๆครับ ก่อนขึ้นรถบัสสาย 7-1 นี้เราต้องยอดเหรียญก่อนนะครับ คนละ 1100 วอนตลอดสาย สาย 7-1 นี้จะไปจอดป้ายสุดท้ายตรงทางเข้าอุทยานแห่งชาติซอรัคซานเลยครับ
นั่งมาสักพัก ก็ติดไฟแดง มองเห็น Expo Tower อยู่ไกลๆครับ ที่เป็นหอคอยบิดๆเกลียวๆนั่นแหละครับ เดี๋ยวตอนเย็นๆจะมาเก็บรูปนะครับ ตอนนี้เราต้องเดินทางไปอุทยานแห่งชาติซอรัคซานกันก่อนครับ
นั่งรถเมล์สาย 7-1 มาสุดสาย ใช้เวลา 30 นาทีโดยประมาณ รถก็จอดให้เราลงที่ป้ายหน้าทางเข้าอุทยานแห่งชาติซอรัคซานครับ และต้องเดินเข้าไปเองตามทางแบบนี้ครับ
ถาพนี้ถ่ายย้อนกลับไปด้านหลัง จะเห็นลานจอดรถหน้าทางเข้าอุทยานและป้ายรถเมล์สาย 7-1 อยู่ลิบๆอยู่ด้านซ้ายมือของรูปครับ
ตลอดทางเดินเข้าอุทยานก็มีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และพวกขนมและน้ำดื่มหรือน้ำผลไม้ครับ แม่ค้าน่ารักมากครับ ชวนเชิญให้ซื้อของแบบน่ารักๆ กลับมาดูรูปใหม่ ทำไมไม่ช่วยซื้อเขาเนี่ย 555
ถัดมาก็จะเป็นที่จอดแท็กซี่ครับ
ทีนี้เราจะเจอออฟฟิซขายตั๋วเข้าอุทยานครับ
บัตรเข้าชมอุทยานหน้าตาเป็นแบบนี้ครับ คนละ 3000 วอน (ประมาณ 79 บาท) ในตั๋วระบุ 7000 วอนเพราะจ่ายในราคา 2 คนครับ รูดการ์ดไม่ได้นะครับตรงนี้จ่ายเงินสดอย่างเดียวครับ
เข้ามาข้างในเขตอุทยานเจอรูปปั้นน้องหมีใหญ่ตัวนี้แหละครับที่เป็นสัญลักษณ์ของอุทยานแห่งชาติซอรัคซาน ใครๆเห็นก็ต้องอดไปถ่ายรูปด้วยไม่ได้
เดินเข้ามาข้างในอีกจะเจออาคารนี้ด้านซ้ายมือครับ เป็นอาคารที่เราต้องขึ้นเคเบิ้ลคาร์ไปชมวิวข้างบนครับ สังเกตดูในรูปดีๆนะครับ มีสายสลิงของเคเบิ้ลคาจากตัวอาคารขึ้นไปบนภูเขาครับ
เข้ามาในตัวอาคาร ซื้อตั๋วขึ้นเคเบิ้ลคาร์ ราคาไป-กลับคนละ 9000 วอน (ประมาณ 236 บาท) ในตั๋วระบุราคา 18,000 วอนเพราะผมรูดการ์ดจ่าย 2 คนครับ ตั๋วระบุเวลา boarding time หรือเวลาขึ้นเคเบิ้ลคาร์เวลาบ่าย 2:35 ครับ ยังเหลือเวลาอีกเยอะ เราเลยไปหาอะไรกินรองท้องกันก่อนในอาคารนี้ชั้นล่างจะเป็นโรงอาหารครับ มีขายก๋วยเตี๋ยวเส้นดำๆที่เรียกว่า จาจังเมียน (짜장면) ด้วยครับ แต่ผมไม่กล้ากิน เห็นน้องๆเขาบอกอร่อย ผมกินก๋วยเตี๋ยวธรรมดาแทน
ใกล้ถึงเวลาแล้วก็ขึ้นมาข้างบนนะครับ รูปนี้ย้อนแสง มืดมาก แต่ให้ดูที่ป้ายนะครับ เขาจะบอกว่า boarding time ปัจจุบันคือเวลาเท่าไหร่ อันนี้บ่าย 2:30 ของเรา บ่าย 2:35 ก็เข้าไปรอสแตนบายในแถวได้เลยครับ
คนขึ้นไปเต็มแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะปล่อยเคเบิ้ลคาร์ขึ้นไปครับ
รูปนี้ให้ดูเคเบิ้ลคาร์ที่ใต่ความสูงขึ้นไปเรื่อยๆนะครับ
ป้ายแสดงระดับความสูงของจุดที่เคเบิ้ลคาร์ขึ้นไป 700 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล (คือ Gwongeumseong Fortress : 권금성) กับจุดปล่อยเคเบิ้ลคาร์ที่สูง 222 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล (설악동)
อันนี้เคเบิ้ลคาร์ของคนที่อยู่ข้างบน Gwongeumseong Fortress (권금성) กำลังลงมาข้างล่างครับ
คราวนี้ก็ถึงตาพวกเราขึ้นเคเบิ้ลคาร์แล้วครับ ขอบอกว่าเคเบิ้ลคาร์เที่ยวหนึ่งบรรจุผู้โดยสาร 50 คนเห็นจะได้ เพราะฉะนั้นถ้าอยากชมวิวระหว่างทางในเคเบิ้ลคาร์ต้องรีบไปแย่งมุมตรงรอบๆนอกเท่านั้น ถ้าอยู่ข้างในก็ถ่ายรูปไม่ได้ครับ คนเยอะเต็มไปหมด เคเบิ้ลคาร์พาพวกเราสูงขึ้นเรื่อยๆ มองเห็นวิวของวัดซินฮึงซา (신흥사) อยู่เบื้องล่างครับวัดที่มีพระพุทธรูปสำริดปางสมาธิองค์ใหญ่มากๆ
ยิ่งสูงก็ยิ่งเห็นวิวสวยๆเยอะขึ้นครับ
อันนี้วิวยอดเขาก่อนที่เคเบิ้ลคาร์จะจอดที่ กวอนกึมซองฟอร์เทรส นะครับ (Gwongeumseong Fortress : 권금성)
มีกล้องส่องทางไกลให้ชมวิวด้วยครับ
แถมอีกรูปครับ วิวเมืองซกโชอยู่ลิบๆเบื้องล่างครับ
ถึง Gwongeumseong Fortress ก็ใช่ว่าจะสิ้นสุดนะครับ เพราะว่าเราต้องเดินไปตามทางขึ้นเขาลงเขาอีก 20 นาทีเห็นจะได้ ไปยังยอดเขาพีซอนแด (Biseondae : 비선대)
ขึ้นมาได้สักพักก็เหนื่อยเลยแวะถ่ายรูปกันเล่นๆ แต่ตัวเล็กบอกยังไม่เหนื่อยเลย ให้รีบขึ้นอย่างเดียวเลย
นี่แหละครับยอดเขา Biseondae ที่ว่าเมื่อกี้ เหมือนจะไม่สูง แต่มันสูงมากๆครับ ลมแรงมากๆ เดินแทบปลิว
หุบเขาสูงชันเหลือหลาย ตรงนี้เป็นหน้าผาเลยครับ ตกลงไปคงไม่เหลือ น่ากลัวมากๆ ตอนลมพัดมาแรงๆต้องรีบนั่งเลยครับ กลัวปลิว 5555 แรงมากจริงๆ
ภาพนี้ถ่ายจากข้างบนลงไปข้างล่างทางที่เราเดินขึ้นมาเมื่อกี้ครับ
จะถ่ายรูปก็ต้องหาที่ยึดที่มั่นไว้ให้ดี เดี๋ยวล้มลงได้ง่ายๆครับ ปล. นายแบบเทห์มาก (ภูมิใจเขาหล่ะ ได้ออกสื่อ)
นางแบบเราก็เซ็กซี่มิใช่น้อย....ภาพนี้ผมภูมิใจนำเสนอมากครับ
เผลอแป๊บเดียว นายแบบเราขึ้นไปบนยอดแล้ว สูงมากเสียวไส้ติ่งแทน